วันพฤหัสบดี, มกราคม 9, 2025

Trending

เผยอันดับหนังสือเดินทางที่ทรงพลังและอ่อนแอที่สุดในโลกประจำปี 2568

Share

ลอนดอน, 8 มกราคม 2568 /PRNewswire/ — สิงคโปร์กลับมาครองบัลลังก์หนังสือเดินทางที่ทรงพลังที่สุดในโลกอีกครั้ง โดยสามารถเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 195 จาก 227 แห่งทั่วโลก ทิ้งให้ญี่ปุ่นตามมาเป็นอันดับสอง เดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 193 แห่ง ตามการจัดอันดับหนังสือเดินทางของเฮนลีย์ (Henley Passport Index) ประจำปี 2568 ซึ่งจัดอันดับหนังสือเดินทางทั้งหมด 199 ประเทศทั่วโลก โดยพิจารณาจากจำนวนจุดหมายปลายทางที่สามารถเดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า อ้างอิงข้อมูลอย่างเป็นทางการจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)

หลาย ๆ ประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน ร่วงลงมาสองอันดับมาอยู่ในอันดับ 3 ร่วมกับฟินแลนด์และเกาหลีใต้ ซึ่งต่างมีอันดับลดลงไปหนึ่งขั้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยปัจจุบันสามารถเดินทางไปยัง 192 จุดหมายปลายทางได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ส่วนสมาชิกสหภาพยุโรป 7 ประเทศ ซึ่งทั้งหมดสามารถเดินทางเข้าได้ 191 จุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า ได้แก่ ออสเตรีย เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน ครองอันดับ 4 ร่วมกัน ในขณะที่อีก 5 ประเทศ ได้แก่ เบลเยียม นิวซีแลนด์ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร อยู่ในอันดับ 5 โดยสามารถเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 190 แห่ง

อัฟกานิสถานยังคงอยู่ท้ายสุดของการจัดอันดับนี้ โดยในปีที่ผ่านมาเสียสิทธิ์เดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าไปอีก 2 จุดหมายปลายทาง ส่งผลให้เกิดช่องว่างด้านการเดินทางที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 19 ปีของดัชนีนี้ เพราะชาวสิงคโปร์สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้มากกว่าผู้ถือหนังสือเดินทางชาวอัฟกานิสถานถึง 169 แห่ง ดร. Christian H. Kaelin ประธานบริษัท Henley & Partners กล่าวว่า "เราจำเป็นต้องทบทวนแนวคิดเรื่องสัญชาติและการเกิดมาพร้อมสิทธิ์ที่แตกต่างกันอย่างจริงจัง ในขณะที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ชุมชนต่าง ๆ ต้องย้ายถิ่นฐานเพราะสภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัย ในขณะเดียวกัน ความไม่มั่นคงทางการเมืองและความขัดแย้งทางอาวุธในภูมิภาคต่าง ๆ ก็บีบบังคับให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องหนีจากบ้านเกิดเพื่อแสวงหาความปลอดภัยและที่พักพิง"

สำหรับประเทศอื่น ๆ ใน 10 อันดับแรกของดัชนีนี้ส่วนใหญ่เป็นประเทศในยุโรป ยกเว้นออสเตรเลีย (อันดับ 6 เดินทางได้ 189 จุดหมาย) แคนาดา (อันดับ 7 เดินทางได้ 188 จุดหมาย) สหรัฐอเมริกา (อันดับ 9 เดินทางได้ 186 จุดหมาย) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอันดับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเดินทางได้เพิ่มขึ้นถึง 72 จุดหมายปลายทางนับตั้งแต่ปี 2558 ทำให้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 10 เดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 185 จุดหมายปลายทางทั่วโลก

หนังสือเดินทางสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรติดกลุ่มร่วงแรงสุด

จากหนังสือเดินทางทั้งหมด 199 ประเทศทั่วโลก มีเพียง 22 ประเทศที่มีอันดับลดลงในดัชนีจัดอันดับหนังสือเดินทางของเฮนลีย์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา น่าประหลาดใจที่ในช่วงปี 2558 ถึง 2568 นั้น สหรัฐอเมริการ่วงลงแรงเป็นอันดับสองรองจากเวเนซุเอลา โดยตกถึง 7 อันดับ จากอันดับ 2 มาอยู่อันดับ 9 ในปัจจุบัน วานูอาตูร่วงแรงเป็นอันดับสาม ตามด้วยหนังสือเดินทางอังกฤษซึ่งเคยอยู่อันดับหนึ่งในปี 2558 แต่ปัจจุบันอยู่อันดับ 5 และปิดท้าย 5 อันดับที่ร่วงแรงที่สุดด้วยแคนาดา ซึ่งตกลงมา 3 อันดับในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จากอันดับ 4 มาอยู่อันดับ 7 ในปัจจุบัน

ในทางกลับกัน จีนอยู่ในกลุ่มที่พุ่งขึ้นแรงที่สุด โดยขยับจากอันดับ 94 ในปี 2558 มาอยู่อันดับ 60 ในปี 2568 โดยมีจำนวนจุดหมายที่ไม่ต้องขอวีซ่าเพิ่มขึ้น 40 แห่ง และในแง่ของการเปิดรับประเทศอื่น ๆ นั้น จีนยังก้าวกระโดดขึ้นในดัชนีความเปิดกว้างของเฮนลีย์ (Henley Openness Index) ซึ่งจัดอันดับทั้ง 199 ประเทศทั่วโลกตามจำนวนสัญชาติที่อนุญาตให้เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า จีนให้สิทธิ์การเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าแก่อีก 29 ประเทศในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียว และปัจจุบันอยู่ในอันดับ 80 โดยอนุญาตให้ 58 ประเทศเข้าจีนได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เทียบกับคู่แข่งอย่างอเมริกาที่อยู่อันดับ 84 และอนุญาตให้เพียง 46 ประเทศเท่านั้นที่เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

Annie Pforzheimer นักวิจัยอาวุโสจากศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในวอชิงตัน ได้แสดงความเห็นในรายงานการเคลื่อนย้ายระดับโลกของเฮนลีย์ (Henley Global Mobility Report) ประจำปี 2568 ว่า "แม้แต่ก่อนที่จะเข้าสู่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของทรัมป์ แนวโน้มทางการเมืองของอเมริกาก็หันเข้าหาตัวเองและแยกตัวออกจากนานาชาติอย่างเห็นได้ชัด ท้ายที่สุดแล้ว หากการขึ้นภาษีและการเนรเทศยังคงเป็นเครื่องมือนโยบายหลักของรัฐบาลทรัมป์ สหรัฐฯ จะไม่เพียงแต่มีอันดับลดลงในดัชนีการเคลื่อนย้ายเมื่อเทียบกับประเทศอื่นเท่านั้น แต่น่าจะตกลงในเชิงสัมบูรณ์ด้วย แนวโน้มนี้ประกอบกับการที่จีนเปิดประเทศมากขึ้นนั้น จะทำให้ซอฟต์พาวเวอร์ของเอเชียมีอิทธิพลมากขึ้นในระดับโลก"

ชาวอเมริกันนำโด่งด้านการขอสัญชาติที่สอง

พลเมืองสหรัฐฯ ครองสัดส่วนผู้สมัครขอสถานะพำนักถาวรและสัญชาติทางเลือกมากที่สุดในปัจจุบัน โดยคิดเป็น 21% ของการสมัครโครงการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานที่ Henley & Partners ได้รับมาทั้งหมดในปี 2567 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงอย่างน่าตกใจ

ศ. Peter J. Spiro ผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าในด้านความเป็นพลเมืองสองประเทศ ให้ความเห็นในรายงานนี้ว่า "การกลับมาของทรัมป์ยิ่งตอกย้ำคุณค่าอีกด้านหนึ่งของการมีสิทธิ์พำนักถาวรหรือสัญชาติทางเลือก นั่นคือการประกันความเสี่ยงทางการเมือง คราวนี้เดิมพันสูงกว่าเดิม มีความรู้สึกว่าอะไรก็ตามที่ทรัมป์ต้องการ เขาจะได้ตามที่ต้องการ วาระทางการเมืองของเขาค่อนข้างผันผวน และชาวอเมริกันไม่สามารถมองข้ามประเด็นเรื่องเสถียรภาพได้อีกต่อไป ทรัมป์ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องคนนอกด้วย แทบจะแน่นอนว่าเขาจะรื้อฟื้น ‘คำสั่งห้ามเดินทาง’ อันเป็นที่โจษจันตั้งแต่ที่เริ่มเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดใหม่เลย"

อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็ม

 

Source : เผยอันดับหนังสือเดินทางที่ทรงพลังและอ่อนแอที่สุดในโลกประจำปี 2568

The information provided in this article was created by Cision PR Newswire, our news partner. The author's opinions and the content shared on this page are their own and may not necessarily represent the perspectives of Siam News Network.

Read more

Latest PR News