คณะกรรมการนโยบายการเงินของประเทศไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 2.50
คณะกรรมการได้คาดการณ์อัตราการเติบโตร้อยละ 2.8 และ 4.4 สำหรับปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ การเติบโตคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของปีนี้ค่อนข้างลดลงเนื่องจากการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวล่าช้า ซึ่งได้รับการถ่วงน้ำหนักจากการเติบโตที่ชะลอตัวในจีนและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นในปี 2567 สาเหตุหลักมาจากอุปสงค์ในประเทศ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า ตลอดจนการสนับสนุนเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ
เงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1.6% และ 2.6% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ เงินอุดหนุนของรัฐบาลและฐานที่สูงจากปีก่อน คาดว่าจะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำในช่วงที่เหลือของปี 2566 อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1.4% ในปี 2566 เป็น 2% ในปี 2567
คณะกรรมการจะติดตามผลกระทบของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลต่อการเติบโตและอัตราเงินเฟ้อ ระบบการเงินโดยรวมยังคงมีความยืดหยุ่น แต่จำเป็นต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อสำหรับ SMEs และครัวเรือนบางแห่ง
