ปาโลอัลโต, แคลิฟอร์เนีย, 15 ม.ค. 2568 /PRNewswire/ — Business Next Media Corp. รายงานว่า:
Minister Liu (fourth from left) poses for a group photo with distinguished guests. From left to right are Qualcomm Vice President of Engineering Sudeepto Roy, JETRO San Francisco Head of Office Yotetsu Hayashi, SkyDeck General Manager Sibyl Chen, Gold Card recipient David Lam, and Mark Birch.
วันนี้ ไต้หวันก้าวไปอีกขั้นในวงการสตาร์ตอัประดับโลกด้วยการเปิดตัวศูนย์กลางสตาร์ตอัป ณ ต่างประเทศในซิลิคอนวัลเลย์ การดำเนินงานครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลไต้หวันในการเผยระบบนิเวศนวัตกรรมสู่สายตาชาวโลก Liu Chin-ching รัฐมนตรีสภาพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเปิดตัวและเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง Dennis Liu กรรมการผู้จัดการของ Startup Island TAIWAN Silicon Valley และ Sibyl Chen ผู้จัดการทั่วไปของ Berkeley SkyDeck Accelerator ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้กับเหล่าสตาร์ตอัปของของไต้หวันและสหรัฐฯ งานดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้งจากชุมชนนวัตกรรม รวมถึงบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Google, Qualcomm, JETRO ของญี่ปุ่น รวมถึง TSMC และ Delta ของไต้หวัน ตลอดจนกลุ่มบริษัทร่วมทุนในพื้นที่ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัย ไปจนถึงทีมสตาร์ตอัปที่โดดเด่นของไต้หวัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังแห่งนวัตกรรมของไต้หวันในการปักธง ณ ซิลิคอนวัลเลย์ และความมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงกับชุมชนสตาร์ตอัประดับโลก
ทั้งนี้ ไต้หวันได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะในแง่เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกมากกว่า 60% ในความเป็นจริง ความแข็งแกร่งและความสำเร็จด้านนวัตกรรมของไต้หวันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความสามารถด้านการผลิตที่มีชื่อเสียงเท่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สภาพแวดล้อมทางการตลาด กอปรกับต้นทุนทางเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของไต้หวัน ได้ส่งเสริมระบบนิเวศอันแข็งขันของการร่วมทุนใหม่ ๆ รวมถึงรังสรรค์กลุ่มผู้ประกอบการที่พัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยในหลากหลายสาขา
รัฐมนตรี Liu กล่าวผ่านสุนทรพจน์ว่า ความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไต้หวันเป็นที่ประจักษ์ต่อโลก การสนับสนุนที่จำเป็นต่อแนวโน้มการพัฒนาที่สำคัญอย่าง AI และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับพลังในการพัฒนาธุรกิจใหม่อันเข้มข้น โดยมีธุรกิจใหม่เกือบ 10,000 แห่งที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สตาร์ตอัประดับโลกต้องเผชิญกับความท้าทายจากอุปสรรคด้านเงินทุน อีกทั้งปริมาณการระดมทุนสตาร์ตอัประดับโลกในปี 2566 ยังลดลงเกือบ 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทว่าการระดมทุนสตาร์ตอัปของไต้หวันในปี 2566 กลับเติบโตสวนทางกับแนวโน้มดังกล่าว โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยอัตราการเติบโต 9.8%
รัฐมนตรี Liu เพิ่มเติมว่า ไต้หวันจัดสรรงบ 4.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.5 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน) เพื่อเร่งการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ตอัปในอีกสี่ปีข้างหน้า ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในการส่งเสริมนวัตกรรม ยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก เงินทุนดังกล่าวจะนำไปใช้ในการจัดตั้งโปรแกรมระดมทุนกับมหาวิทยาลัยเพื่อส่งเสริมการวิจัย ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในการเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย โครงการริเริ่มเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างไต้หวันให้เป็นศูนย์กลางสำหรับเทคโนโลยีล้ำสมัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ
"การเปิดตัว Silicon Valley Startup Hub ถือเป็นก้าวสำคัญในความพยายามของไต้หวันที่จะร่วมมือกับอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม เรากำลังสร้างสะพานเชื่อมระบบนิเวศสร้างสรรค์ของทั้งสองแห่ง ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือ และยิ่งไปกว่านั้น ยังมั่นใจได้ว่าบรรดาสตาร์ตอัปหน้าใหม่ของเราจะสามารถแข่งขันและเฉิดฉายในเวทีระดับโลกได้ ผ่านการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างชุมชนผู้ประกอบการอันรุ่งโรจน์ของไต้หวันและซิลิคอนวัลเลย์" รัฐมนตรี Liu เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือดังกล่าว
อนึ่ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้ลงทุนไปกับการส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ตอัปที่แข็งแกร่งผ่านชุดความคิดริเริ่มที่กำหนดเป้าหมาย รวมถึงเงินช่วยเหลือ เงินกู้ และรางวัลจากอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ ความพยายามเหล่านี้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่สำคัญในรูปแบบของระบบนิเวศอันรุ่งเรืองของเหล่าสตาร์ตอัปที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ประมาณ 10,000 รายในภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งเทคโนโลยีด้านสุขภาพ พลังงาน ความยั่งยืน เกษตรกรรม ฮาร์ดแวร์ สื่อและความบันเทิง ตลอดจนการจัดจำหน่ายและการตลาด โดย Asia Silicon Valley Development Plan 3.0 โครงการซึ่งทางรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างแข็งขัน จะช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศดังกล่าวให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผ่านการเชื่อมโยงสตาร์ตอัปเข้ากับทรัพยากร นักลงทุน และตลาดต่างประเทศ ด้วยการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมซึ่งส่งเสริมนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการดังกล่าว ไต้หวันจึงก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในระบบนิเวศสตาร์ตอัประดับโลก
นอกจากนี้ ไต้หวันยังนำจุดแข็งเฉพาะตัวมาสู่ซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งเหนือกว่าการผลิตขั้นสูงระดับโลก ห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ ไปจนถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแห่งการเปลี่ยนแปลง อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีชีวภาพ และพลังงานสีเขียว จุดแข็งเหล่านี้ได้รับการเสริมด้วยความสามารถด้านนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ของซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดของการเชื่อมโยงและทำงานร่วมกัน การรวมจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมของไต้หวันเข้ากับกลุ่มบริษัทร่วมทุนและระบบนิเวศสตาร์ตอัปอันสร้างสรรค์ของซิลิคอนวัลเลย์จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก และวางรากฐานสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
การจัดตั้ง Startup Island TAIWAN Silicon Valley Hub ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงระบบนิเวศสตาร์ตอัปที่เจริญรุ่งเรืองของไต้หวันกับเวทีระดับโลก Startup Island TAIWAN จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างไต้หวันและระบบนิเวศผู้ประกอบการของซิลิคอนวัลเลย์ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางของบุคลากรที่มีความสามารถโดยมอบพื้นที่ทำงานร่วมกัน การศึกษาและการฝึกอบรม การประชุม กิจกรรมสร้างเครือข่าย การให้คำปรึกษาด้านวิชาชีพ รวมถึงการขยายธุรกิจในสภาพแวดล้อมใหม่ให้กับชุมชนในท้องถิ่น ไต้หวันได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเองในฐานะศูนย์กลางของบุคลากร เทคโนโลยี และผู้ประกอบการ อีกทั้งได้ร่วมมือกันเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก รวมถึงปูทางสู่อนาคตที่เชื่อมโยงกันและมีนวัตกรรมมากขึ้น ผ่านโครงการริเริ่มต่าง ๆ อย่าง โปรแกรม Employment Gold Card เป็นต้น
The information provided in this article was created by Cision PR Newswire, our news partner. The author's opinions and the content shared on this page are their own and may not necessarily represent the perspectives of Siam News Network.